25 Mar 2022
เจ้าของกิจการทุกท่านย่อมต้องการที่จะมีกำไรในกิจการให้ได้มากที่สุด ซึ่งการที่จะทำให้กำไรเยอะนั้นก็ทำได้หลายวิธีดังนี้
ซึ่งเนื้อหาในบทความนี้จะขอเน้นไปในเรื่องของการวางแผนภาษี เพราะหลายๆคนวางแผนภาษีแบบผิดๆ ที่คิดว่าทำได้ ทำถูก แต่ที่จริงแล้วเป็นอันตรายมากๆ และไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อโดนตรวจสอบก็จะมีโทษร้ายแรง และเป็นที่เพ่งเล็งของสรรพากร
5 สิ่งที่อันตรายที่สุดที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง สำหรับการประหยัดภาษี
อันดับที่ 5 สร้างรายได้ปลอม
หลายคนคง งงว่าทำไมสร้างรายได้ปลอม มันเป็นการวางแผนภาษีตรงไหน ตัวอย่างเช่น กิจการเป็นธุรกิจที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้ ซึ่งเจ้าภาษีถูกหัก ณ ที่จ่ายตัวการนี้แหละที่มีอายุแค่เพียงในปีภาษีเท่านั้น จึงทำให้เจ้าของธุรกิจบางรายเกิดความเสียดายถ้าใช้ไม่หมด จึงต้องสร้างรายได้ปลอมขึ้นมาเพื่อให้บริษัทกำไรมากขึ้น และเคลียเจ้าภาษีหัก ณ ที่จ่ายตัวนี้ให้หมดไป
อันดับที่ 4 การจ้างคนมารับรายได้ หรือที่เรียกกันว่า "นอมินี"
จริงอยู่ว่าการที่หาคนมารับรายได้ โดยจะเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทเป็นวิธีที่ง่าย และหลายคนก็มองว่าปลอดภัยมากเพราะคิดว่าเอาญาติตัวเองมาช่วยไว้ใจได้หายห่วง แต่ก็มีหลายกรณีไปที่มีปัญหา เพราะทะเลาะกัน คนเราเวลารักกันก็คุยกันง่าย แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน สิ่งที่จะตามมาคืออะไรล่ะ นอมินี นี่แหละที่วิ่งไปฟ้องสรรพากร
อันดับที่ 3 เอาเงินออกจากกิจการไปใช้โดยไม่จ่ายเงินปันผล
เจ้าของบริษัทมากมายที่ไม่เข้าใจว่าเงินในบริษัท ไม่ใช่ของตัวเองเพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนก่อตั้งทุกอย่างในนั้นก็ต้องเป็นของฉันสิ ซึ่งแนวคิดนี้ผิดมั้ย มันก็อาจจะไม่ผิด แต่ว่าในทางกฎหมายนั้นผิด เพราะบริษัทเป็นนิติบุคคล ซึ่งการเป็นนิติบุคคลนั้นพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือมันก็คือคนอีกคนนั้นแหละ กระเป๋าตังคนละใบ ต่อเนื่องจากความคิดที่ว่าเงินในบริษัทก็ของฉันนั่นแหละ ทำให้เจ้าของบริษัทหลายรายถอนเงินในบริษัทออกมาใช้ส่วนตัว โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการเลย และไม่ได้ทำบัญชีด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือ เมื่อนักบัญชีเห็นเงินถอนออกไปจากกิจการไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เอาไปหมกอยู่ในบัญชีที่ชื่อว่า "ลูกหนี้เงินกู้ยืมกรรมการ" ซึ่งบัญชีตัวนี้แหละตัวอันตรายที่สรรพากรนั้นเพ่งเล็งมาก เพราะสรรพากรมองว่า เงินตัวนี้เป็นเงินที่บริษัทให้กรรมการกู้ยืม ดังนั้นบริษัทก็ต้องคิดดอกเบี้ยกับกรรมการสิ จึงมีภาษีอีกตัวที่เกิดขึ้นชื่อว่า "ภาษีธุรกิจเฉพาะ" ซึ่งอัตราภาษีจะสูงสุดที่ร้อยละ 3 โดยคิดจากดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นที่กรรมการยืมไปโดยใช้อัตราดอกเบี้ยตลาด ณ เวลานั้น
ดังนั้นโปรดคิดให้ดีนะจะถอนเงินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ซึ่งการที่จะนำเงินออกจากกิจการนั้นก็มีหลายวิธีเช่น ตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง การจ่ายเงินปันผล ฯลฯ
อันดับที่ 2 เคลมภาษีซื้อต้องห้าม
จริงอยู่ว่าบริษัทที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น สามารถนำภาษีซื้อมาหักกับภาษีขายได้ แต่ว่าภาษีซื้อบางประเภทก็ไม่สามารถนำมาเคลมได้ เช่น ค่ารับรอง ค่าน้ำมันเบนซิน รถยนต์นั่ง ฯลฯ โดยที่พบกันมากจะเกิดจากความไม่รู้ของเจ้าของกิจการ ถ้าสรรพากรตรวจพบก็ต้องโดนโทษปรับกันไปตามระเบียบ โดยจะมีโทษคือ เบี้ยปรับเป็นจำนวน 1 เท่าของภาษีตามใบกำกับภาษี และเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนนับจากวันที่เคลมภาษีไปจนถึงวันที่ตรวจพบ
อันดับที่ 1 สร้างค่าใช้จ่ายปลอม หรือซื้อใบกำกับภาษี
วิธีนี้เป็นที่นิยมกันมาก และก็อันตรายมากที่สุดด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ประกอบการที่หาต้นทุนให้กิจการไม่ได้ ทำให้มีกำไรมากก็เสียภาษีมาก ผู้ประกอบการมากมายจึงใช้การซื้อใบกำกับภาษีเอาซะเลยง่ายดี ได้ค่าใช้จ่ายมาเต็มๆลดภาษีได้แน่นอน วิธีนี้บอกเลยว่าอย่าหาทำเลยเพราะถ้าโดนจับได้ มีโทษดังนี้
สุดท้ายนี้การวางแผนภาษีนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่ว่าควรจะวางแผนได้อย่างถูกวิธี และรอบคอบ จะเห็นได้ว่าการวางแผนภาษีที่ผิดๆ หรือทำเสี่ยงๆ เมื่อถูกตรวจพบนั้น โทษของมันได้ไม่คุ้มเสียเอาเสียเลย จะมีตั้งแต่โทษเบา จนไปถึงโทษหนักสุดในการจำคุกเลยทีเดียว ฝากถึงผู้ประกอบการทุกท่านว่าจะประหยัดภาษี ก็ควรประหยัดพอสมควร อย่าเป็นคนที่ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" บางทีการมีที่ปรึกษาที่ดีก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีด้วยเช่นกัน
บทความโดย: บริษัท กรุงเทพการบัญชี (1975) จำกัด